วันออกพรรษา
วันออกพรรษา หมายถึงวันที่พ้นจากข้อกำหนดทางพระวินัยที่ต้องอยู่ประจำที่หรือในวัดแห่งเดียวตลอด๓เดือนในฤดูฝนกล่าวคือเมื่อพระภิกษุได้อธิฐานอยู่จำพรรษาในวันแรม๑ค่ำเดือน๘(หรือเดือน๙กรณีเข้าพรรษาหลัง)
แล้วอยู่ประจำที่หรือวัดนั้นเรื่อยไปจนสิ้นสุดในวันขึ้น๑๕ค่ำเดือน๑๑(หรือเดือน๑๒ในกรณีเข้าพรรษาหลัง)
หลังจากนี้ก็สามารถจาริกไปค้างแรมที่อื่นได้
วันออกพรรษานี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า” วันปวารณา” หรือ” วันมหาปวารณา”
คือวันที่พระสงฆ์ทำปวารณากรรมคือเปิดโอกาสให้เพื่อนพระภิกษุว่ากล่าวตักเตือนกันด้วยเมตตาจิตได้เมื่อได้เห็นได้ฟังหรือสงสัยในพฤติกรรมของกันและกันความสำคัญ
วันออกพรรษานี้นับเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนาด้วยเหตุผลดังนี้
๑.
พระสงฆ์ได้รับพระบรมพุทธานุญาตให้จาริกไปค้างแรมที่อื่นได้
๒.
เมื่อออกพรรษาแล้วพระสงฆ์จะได้นำความรู้จากหลักธรรมและประสบการณ์ที่ได้รับระหว่างพรรษาไปเผยแพร่แก่ประชาชน
๓.
ในวันออกพรรษาพระสงฆ์ได้ทำปวารณาเปิดโอกาสให้เพื่อนภิกษุว่ากล่าวตักเตือนเรื่องความประพฤติของตนเพื่อให้เกิดความบริสุทธิ์ความเคารพนับถือและความสามัคคีกันระหว่างสมาชิกของสงฆ์
๔.
พุทธศาสนิกชนได้นำแบบอย่างไปทำปวารณาเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาตนและสร้างสรรค์สังคมต่อไป
ประวัติความเป็นมา
๑.
ส่วนที่เกี่ยวกับพระพุทธเจ้า
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาอยู่ณพระเชตวันมหาวิหารกรุงสาวัตถีนั้นมีพระภิกษุกลุ่มหนึ่งแยกย้ายกันจำพรรษาอยู่ตามอารามรอบๆนครพระภิกษุเหล่านั้นเกรงจะเกิดการขัดแย้งทะเลาะวิวาทกันจนอยู่ไม่เป็นสุขตลอดพรรษาจึงได้ตั้งกติการว่าจะไม่พูดจากัน(มูควัตร)เมื่อถึงวันออกพรรษาพระภิกษุเหล่านั้นก็พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าที่พระเชตวันมหาวิหารกราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบพระพุทธเจ้าจึงทรงตำหนิว่าอยู่กันเหมือนฝูงปศุสัตว์แล้วทรงมีพระบรมพุทธานุญาตให้พระภิกษุกระทำการปวารณาต่อกันว่า
”
อนุชานามิภิกขะเววัสสังวุตถานังภิกขูนังตีหิฐาเนหิ
ปะวาเรตุงทิฎเฐนะวาสุเตนะวาปะริสังกายะวา…”
แปลว่า“ภิกษุทั้งหลายเราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายผู้จำพรรษาแล้วปวารณากันในสามลักษณะคือด้วยการเห็นก็ดีด้วยการได้ยินก็ดีด้วยการสงสัยก็ดี”
๒.
การถือปฏิบัติวันออกพรรษาในประเทศไทย
วันออกพรรษานี้เป็นวันปวารณาของพระสงฆ์โดยตรงที่จะต้องประชุมกันทำปวารณากรรมแทนอุโบสถกรรมสำหรับพุทธศาสนิกชนฝ่ายคฤหัสถ์ก็ถือว่าเป็นวันพระสำคัญมักนิยมไปทำบุญทำทานรักษาศีลและฟังธรรมเป็นกรณีพิเศษนอกจากนี้ยังมีประเพณีเนื่องด้วยวันออกพรรษาอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า
“ประเพณีตักบาตรเทโว” คำว่า”ตักบาตรเทโว”
มาจากคำเต็มว่า “ตักบาตรเทโวโรหณะ” คือการตักบาตรเนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ขั้นดาวดึงส์ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาธรรมบทบันทึกไว้ว่าเมื่อพระพุทธเจ้าแสดงยมกปฏิ-หารย์(ปฏิหาริย์เป็นคู่ๆ)
ที่ต้นมะม่วงใกล้เมืองสาวัตถีแล้วก็เสด็จขึ้นไปจำพรรษาที่๗บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศนาพระอภิธรรมโปรดพุทธมารดาเป็นเวลา๓เดือนครั้นออกพรรษาแล้วพระพุทธเจ้าจึงเสด็จลงสู่มนุษย์โลกทางบันไดพาดลงใกล้เมืองสังกัสสะ
หลักธรรมที่ควรปฏิบัติ
ในเทศกาลออกพรรษานี้มีหลักธรรมสำคัญที่ควรนำไปปฏิบัติคือปวารณา
ปวารณา ได้แก่การเปิดโอกาสให้ผู้อื่นว่ากล่าวตักเตือนตนเองได้ในการปวารณานี้อาจแบ่งบุคคลออกเป็น๒ฝ่ายคือ
๑.
ผู้ว่ากล่าวตักเตือนจะต้องเป็นผู้มีเมตตาปรารถนาดีต่อผู้ที่ตนว่ากล่าวตักเตือนเรียกว่ามีเมตตาทางกายทางวาจาและทางใจพร้อมมูล
๒.
ผู้ถูกว่ากล่าวตักเตือนต้องมีใจกว้างมองเห็นความปรารถนาดีของผู้ตักเตือนดีใจมีผู้มาบอกขุมทรัพย์ให้
การปวารณานี้จึงเป็นคุณธรรมสร้างความสมัครสมานสามัคคีและดำรงความบริสุทธิ์หมดจดไว้ในสังคมพระสงฆ์การปวารณาแม้จะเป็นสังฆกรรมของสงฆ์ก็อาจนำมาประยุกต์ใช้กับสังคมชาวบ้านได้ด้วยเช่นการปวารณากันระหว่างสมาชิกในครอบครัวในสถานศึกษาในสถานที่ทำงานพนักงานในห้างร้านบริษัทและหน่วยราชการเป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น